คนแรกเริ่มกันที่ "ลีโอเนล เมสซี่" อัจฉริยะลูกหนัง สามารถเลือกที่จะเล่นให้กับทีมชาติ อิตาลี ได้เนื่องจากคุณปู่และคุณย่า ของเขาเป็นชาวอิตาเลียน ก่อนที่รุ่นพ่อและแม่ของเมสซี่จะมาพบรักกันที่อาร์เจนติน่า และให้กำเนิดตำนานของโลกฟุตบอลขึ้น ส่วนอีกประเทศที่เจ้าตัวมีสิทธิเลือกที่จะติดธงก็คือ "สเปน" นั่นเป็นเพราะเขาย้ายมาเข้าศูนย์ฝึกลามาเซียตั้งแต่อายุ 13 ขวบ
คิดไม่ออกเลยว่าถ้าวันนั้นเมสซี่เลือกเล่นให้กับกระทิงดุ ร่วมกับเพื่อนรู้ใจอย่าง ชาบี้ อิเนสต้า และบุสเกต โฉมหน้าประวัติศาสตร์ของทีมชาติสเปนนั้นจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ เมสซี่คงมีแชมป์ระดับชาติมากกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
คนต่อมา "ดิเอโก้ คอสต้า" อดีตกองหน้าจอมเถื่อนของเชลซีและ แอตฯมาดริด ที่สามารถเลือกเล่นให้กับทั้งบราซิล และสเปน 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอล อันที่จริงเขาตัดสินใจแล้วที่เลือกเล่นให้กับทัพเซเลเซา ถึงขนาดเคยใส่เสื้อสีเหลืองเขียวลงเล่นเกมอุ่นเครื่องไปแล้วด้วยถึง 2 นัด แต่ไม่รู้อะไรดลใจ หลังจากได้สัญชาติสเปน เนื่องจากอาศัยอยู่ในสเปนตั้งแต่ปี 2006 สุดท้ายคอสต้าเลือกที่จะเล่นให้กับทีมชาติสเปน ยิ่งไปกว่านั้น เป็นการติดทีมชาติไปเล่นทัวร์นาเมนท์ใหญ่อย่างฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพอีกด้วย และแน่นอนว่าคอสต้าจะต้องโดนตามโห่ในทุกสนามแน่นอน
อีกคนที่น่าสนใจในยุคปัจจุบันคือดาวเตะ 100 ล้านปอนด์อย่าง "แจ็ค กรีลิช" ที่เจ้าตัวติดทีมชาติไอร์แลนด์ ชุดเล็กไล่มาตั้งแต่ชุด u-17 , u-18 , u-21 ก่อนที่ในปี 2016 จะย้ายมาเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษชุด u-21 และก้าวขึ้นสู่ชุดใหญ่ในที่สุด แม้จะยังไม่มีผลงานกับทีมชาติเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ถูกเรียกไปลุยยูโร 2020 มาแล้ว และคาดว่าจะเป็น 1 ใน 23 กำลังหลักในฟุตบอลโลกปลายปีนี้ด้วย
สั้น ๆ อีกสักสองคนแล้วกัน คนแรก วิลฟรีด ซาฮา ดาวเตะคริสตัล พาเลช ที่เลือกเล่นให้ทีมสิงโตคำรามชุดเด็กมาทุกรุ่น และติดทีมชาติชุดใหญ่ใหญ่ไปแล้ว 2 นัดด้วยกันในเกมอุ่นเครื่อง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ถูกเรียกติดแมตช์อย่างเป็นทางการสักที เลยย้ายไปเล่นให้กับทีมชาติไอเวอรี่โคสต์ซะเลย
คนสุดท้าย ติอาโก้ ม็อตตา อดีตกองกลางของบาร์เซโลน่า , อินเตอร์ มิลาน และเปแอสเช เขาเกิดที่บราซิลเลยทำให้เลือกเล่นให้กับบราซิลได้สบาย ๆ โดยเขาเล่นตั้งแต่ชุด u-17 และ u-23 ก่อนที่จะติดทีมชาติชุดใหญ่อีก 2 นัด แต่สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนไปเล่นให้กับทีมชาติอิตาลี เนื่องจากคุณปู่ของเขามีเชื้อสายอิตาเลี่ยนนั่นเอง
